RESTEX -  Bring You Better Tomorrow 
ส่งฟรี เมื่อสั่งสินค้าครบ 990 บาท
ลูกค้าใหม่ กรอก code “WELCOMENEW” ส่วนลด 15% 

หลักในการเลือกซื้อที่นอน

เริ่มต้นกันด้วยจุดประสงค์ของการนอนกันก่อนที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจในการเลือกซื้อที่นอน

ในหนึ่งวันของคุณ เฉลี่ยเวลาในการนอนพักผ่อนของคุณนั้นเทียบเท่ากับ 1 ใน 3 วันเลยทีเดียว ดังนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกที่นอน ที่คุณจะต้องนอนในทุกวันด้วยความเข้าใจ เริ่มต้นกันด้วยจุดประสงค์ของการนอนกันก่อนที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจในการเลือกซื้อที่นอน โดยหลักแล้วเกิดจาก

  1. ที่นอนเดิม หมดสภาพ
  2. เปลี่ยนที่อยู่ใหม่
  3. มีปัญหาจากการนอนที่นอนเดิม
  4. มีบ้านหรือคอนโดปล่อยเช่า

จาก 4 ข้อดังกล่าวจึงนำมาด้วยสิ่งที่ควรรู้ประเภทของที่นอนในเบื้องต้น โดยเราจะแบ่งที่นอนออกเป็น 4 ชนิดหลัก ได้แก่

1. ที่นอนยางพารา

ที่นอนยางพารา ราคาสูงตามคุณภาพ เหมาะสำหรับนำมาใช้เอง เพราะมีความยืดหยุ่นและทนทานกว่า สามารถรองรับสรีระความโค้งเว้าทุกส่วนของผู้นอนได้ดี ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ทำให้นอนหลับได้สบายตัว ไม่เมื่อย ไม่ปวดหลังเวลาตื่นนอน เป็นที่นอนที่ได้รับการยอมรับและนิยมใช้กันในหลายประเทศ ทั้งนี้ก็ควรใช้ที่นอนยางพาราแท้เพื่อผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากที่นอนยางพาราแท้จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ นิ่มกำลังดี คงทน ไม่ยุบตัวง่าย ไม่ปวดเมื่อย ไม่สะสมความชื้น รักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ผู้นอนสามารถนอนได้อย่างเต็มที่ ความสูงของที่นอนประมาณ 3 นิ้วกำลังดี แต่ผู้ที่มีน้ำหนักมาก ความสูงของที่นอนยางพาราก็ต้องสูงตามไปด้วย ประมาณ 6-8 นิ้ว อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญ

2. ที่นอนสปริง

เป็นส่วนประกอบหลักของที่นอนในโรงแรมตั้งแต่ 3-5 ดาว ซึ่งที่นอนสปริงนั้นมีหลายชนิดมาก หลักๆจะมี Bonnell Spring และ Pocket Spring เป็นที่นอนที่มีการผลิตและจัดจำหน่ายเยอะที่สุด คนนิยมใช้ คุณภาพก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบสปริง และราคา ที่นอนสปริงนั้นมีความยืดหยุ่นสูง ไม่สะสมความชื้น ยิ่งมีน้ำหนักมากยิ่งมีสปริงมาก ทำให้รับสรีระส่วนที่โค้งเว้าได้ดี จุดเด่นของที่นอนประเภทนี้ คือที่นอนจะเด้ง นุ่ม นำหนักเบา สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ประเภทของสปริงแต่ละแบบ ก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ความสูงของขดลวดสปริงโดยมาตรฐานจะอยู่ที่ 6 นิ้ว ยิ่งขดลวดสปริงสูง จำนวนรอบเกลียว มาก ก็จะยิ่งยืดหยุ่นและรับน้ำหนักได้ดี คุณภาพของเส้นลวดสปริงจะต้องเหนียว คืนตัวได้ดี ไม่ควรแข็งหรืออ่อนเกิน ซึ่งประเภทสปริงที่เสถียรและคุณภาพดี คือ Pocket Spring แต่ราคาก็สูงตามคุณภาพเช่นกัน ข้อเสียของที่นอนสปริง คือสปริงจะยุบ ล้ม และล้าได้ง่าย คุณภาพและจำนวนสปริง จึงมีผลอย่างมาก

3. ที่นอนฟองน้ำ

เป็นที่นอนที่มีน้ำหนักเบาที่สุด หาง่ายที่สุด และให้ความนุ่มมากกว่าที่นอนทุกประเภท ถือเป็นคุณสมบัติเด่นที่ได้รับความนิยมในการนำมาทำที่นอน แต่ที่นอนฟองน้ำจะมีความยืนหยุ่นและการคืนตัว ได้ไม่ดีเท่ากับที่นอนยางพาราและที่นอนสปริง อายุการใช้งานจะสั้นหรือยาว อยู่ที่ผู้ผลิตและเกรดของฟองน้ำ การนอนที่นอนฟองน้ำจะอ่อนนุ่มและมีความยวบอย่างมาก ไม่มีแรงต้านเพื่อโอบรับสรีระเหมือนกับที่นอนสปริง แต่ถ้าต้องการจะใช้ที่นอนฟองน้ำจริงๆ แนะนำว่าควรเลือกที่มีความหนาแน่น Density ระดับ 30 kg/cu m ขึ้นไป หมายความว่า ฟองน้ำระดับนี้ใช้นอนได้ดีกว่าหากต่ำกว่านี้ใช้นอนได้ไม่นานยุบง่าย ปัจจุบันผู้ผลิตได้มีการพัฒนาเทคนิคการทำที่นอนฟองน้ำให้มีความทนทานหนาแน่นมากขึ้น แต่ราคาก็จะสูงตามคุณภาพและความหนาแน่นด้วย ไม่แนะนำสำหรับผู้มีปัญหาน้ำหนักตัวมาก ปวดหลัง และผู้สูงวัย

4. ที่นอนใยมะพร้าว

แม้ว้าปัจจุบันจะเป็นที่นอนที่ไม่นิยมสำหรับคนทั่วไป แต่ถือได้ว่าที่นอนชนิดนี้เป็นที่นอน classic ในด้านสุขภาพเลยก็ว่าได้  วิธีการผลิตเกิดจากการใช้เส้นใยมะพร้าวที่ผ่านการชะล้างขุยหรือเศษผงออก นำมาเข้าเครื่องทอออกมาเป็นแผ่น และจึงนำมาอัดแน่นด้วยอุณหภูมิ 100องศา โดยใช้น้ำยางพาราเป็นตัวประสานเส้นใยให้ติดแน่น ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ ก่อนนำมาประกอบเป็นที่นอนเสริมฟองน้ำด้วยเพื่อเพิ่มความนุ่มนอนสบาย หรือเสริมด้วยยางพาราแท้ ซึ่งถือเป็นที่นอนที่ดี ชนิดหนึ่งของไทย เพราะทำจากเส้นใยธรรมชาติล้วนๆ มีความหนาแน่นสูงมาก ยุบตัวช้า ราคาไม่สูงมากนัก แม้ใยมะพร้าวราคาสูงขึ้น แต่แผ่นใยมะพร้าวก็ยังมีความสำคัญในการใช้ผลิตที่นอนเรื่อยมา ที่นอนชนิดนี้เมื่อเสื่อมคุณภาพแล้ว ไม่ควรฝืนใช้งานต่อไป เพราะการเสื่อมสภาพจะทำให้ที่นอนใยมะพร้าวเกิดการเปื่อยยุ่ย เป็นฝุ่นผง ทำให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

5. ที่นอนMemory Foam

เป็นที่นอนที่ผลิตจากฟองน้ำที่มีความหนาแน่นสูงมากๆ มากว่าที่นอนฟองน้ำปกติ จึงทำให้มีคุณสมบัติที่สามารถรองรับสรีระได้ดีกว่าฟองน้ำปกติ และมีอายุการใช้งานที่นานกว่า อย่างไรก็ตามบางคนก็บ่นว่านอนแล้วยุบตัวมากเกินไป นิ่มเกินไป ทำให้ปวดหลัง บางคนก็บอกว่านอนแล้วรู้สึกร้อนที่แผ่นหลัง ไม่ระบายอากาศดีที่ควร ในสองข้อนี้ผมเองก็ยอมรับว่ามีความจริงอยู่บ้างครับ เพียงแต่ปัจจุบันเรื่องของการระบายอากาศสามารถแก้ไขโดยใส่เม็ด Cool gel ที่ช่วยเพิ่มความเย็นมา จึงอาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้างครับ แต่ในส่วนที่คนนอนแล้วปวดหลัง ไม่สบายนั้น เนื่องจากที่นอน Memory Foam นั้นไม่มีแรงต้านเหมือนที่นอนอื่นๆ จึงไม่แปลกที่จะนุ่มลงไปตามน้ำหนักในแต่ละส่วนของร่างกาย สุดท้ายแล้วเวลานอนนานๆ ส่วนที่หนักอย่างเช่น สะโพกจึงยุบตัวมากกว่าส่วนอื่นๆ จึงทำให้เกิดการนอนที่ผิดไปบ้าง ผมจึงแนะนำว่าถ้ากรณีที่ผู้นอนมีอาการปวดหลังอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ให้พยายามหลีกเลี่ยงที่นอนชนิดนี้ และหันมาใช้ที่นอนยางพาราที่มีแรงต้านมากกว่าที่นอนนี้ครับ

ท้ายที่สุดนี้ เราแนะนำว่าการเลือกซื้อที่นอน ผู้ที่จะนอนควรจะเป็นคนไปเลือกด้วยตนเองดีที่สุด เพราะเดี๋ยวนี้ที่ร้านขายที่นอนจะจัดเตรียมที่นอนให้ลูกค้าทดลองนอน เบรคความอายไว้สักนิด แล้วทดลองนอนสัก 5-20 นาทีเป็นอย่างน้อย โดยช่วงเวลานี้จะเพียงพอที่ทำให้ที่นอนปรับเข้ากับสรีระของเรา และตัดสินได้ดีที่สุดว่าที่นอนนั้นเหมาะสมกับเราไหม นอนสบายหรือไม่

อย่าคิดว่าการซื้อที่นอนเป็นการลงทุนที่สูง เพราะตราบใดที่เรายังต้องใช้งานมันทุกวัน การเลือกสิ่งที่ได้คุณภาพถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุด